Name :ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล
 Peter Corp Dyrendal
 Birthday :1 มกราคม 2519
 1 January 1976
 Nationality :Thai-Danish
 Language :Thai, Danish, English , German
 Family :3 person as the 2nd have older sister and brother
 Character :Friendly , Humor and talkative
 Hero :Dad

 

( ที่มา : หน้งสือพิมพ์ข่าวสด วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2548)

วันนี้มาฟังเรื่องราวดิบ ๆที่ออกมาจากหนุ่มปากกว้างคนนี้ดีกว่า

เตอร์เกิดที่ไหน

ปีเตอร์ : "ผมเกิดที่เดนมาร์กและโตที่นั่น เป็นลูกครึ่งไทย-เดนมาร์ก คุณแม่เป็นคนไทยทำงานอยู่การบินไทย คุณพ่อเป็นคนเดนมาร์ก อยู่สายการบินสแกนดิเนเวีย ช่วง 2-5 ขวบผมมาอยู่เมืองไทย มาเรียนอนุบาลที่นี่ แต่อยู่ได้ปีเดียวก็กลับไปอยู่ที่เดนมาร์กอีกครั้ง จนอายุ 19 ถึงได้ย้ายกลับมาเมืองไทยอีกครั้ง"

ชีวิตวัยเด็กเป็นอย่างไร ?

ปีเตอร์ : "ซนมาก ๆ เกเร พ่อเคยเล่าให้ฟัง ตอนนั้นอายุ 3-4 ขวบ พ่อซื้อแส้มาให้ เป็นแส้สำหรับตีม้าตีลา ผมก็เอาไว้ไล่ตีเวลาที่ใครทำอะไรไม่ถูกใจ โดยเฉพาะแม่บ้าน ตอนอยู่เดนมาร์ก เมืองที่ผมอยู่มีเด็กเกเรอยู่เยอะ จะเป็นเมืองที่มีอาชญากรรมสูงสุดในประเทศ มีการตั้งแก๊งค์ แต่ละแก๊งค์ค่อนข้างรุนแรง ผมจะรู้จักทุกคน อยู่กับทุกกลุ่มจึงไม่ค่อยมีเรื่องกับใคร อยู่ในกลุ่มแบบนี้ก็เหมือนโตมาในแบบลูกผู้ชาย คำว่า 'เพื่อน' จะสำคัญมาก"

ตอนนั้นคิดหรือเปล่าว่าอนาคตจะเป็นยังไง ?

ปีเตอร์ : "คิดครับ คิดถึงอนาคต เป็นคนค่อนข้างมุ่งมั่นการเรียนมาก ๆ ตอนนั้นตั้งใจอยากเป็นวิศวกรด้านเคมี จึงเรียนด้านนี้ตั้งแต่ไฮสคูล ผมเป็นคนที่เรียนค่อนข้างดี อยู่อันดับท็อปไฟว์ตลอด ส่วนตัวชอบเรียนมาก ถ้าทุกวันนี้ไม่ได้เป็นนักร้อง ป่านนี้คงหัวฟูเป็นไอน์สไตน์ไปแล้ว(หัวเราะ) พอโตเรียนไฮสคูลก็จะไปเรียนอีกเมืองหนึ่งเพื่อห่างเพื่อน จะได้มีสมาธิเรียนมากขึ้น ตรงนี้ผมต้องการเอง คิดเสมอว่าอยู่กับเพื่อนแบบนี้ไม่มีอะไรดีขึ้น จึงตั้งใจเรียน ซึ่งผมคิดถูก"

ยังไงถึงได้เข้าวงการ ?

ปีเตอร์ : "ตอนนั้นอายุประมาณ 17 ปี กลับมาเยี่ยมญาติที่เมืองไทยและได้ถ่ายแฟชั่น เพราะน้าพาไปถ่าย ต่อมาก็ได้ถ่ายแบบลงนิตยสารต่าง ๆ แล้วก็กลับไปเดนมาร์ก อยู่ไม่กี่เดือนก็มีคนโทร. จากเมืองไทยตามให้มาถ่ายโฆษณา ผมคิดว่าก็ดีเหมือนกัน พักเรียนสักปี หาเงินสักก้อน ตอนนั้นเพิ่งเรียนจบ เตรียมจะเข้ามหาิวิทยาลัย ผมเลยกลับมาถ่ายโฆษณา ถ่ายแบบเยอะมากและดังด้วย"

ชอบวงการบันเทิงหรือเปล่า ?

ปีเตอร์ : "เฉย ๆ สไตล์ผมเป็นเด็กช่างกล ลุย ๆ บู๊ ๆ ผมชอบมอเตอร์ไซค์มาก เคยประกอบมอเตอร์ไซค์และซ่อมเอง ตรงนี้ผมมาเรียนเอง ชอบแกะนั่นแกะนี่ตั้งแต่เด็ก พอโตขึ้นก็ซื้อมอเตอร์ไซค์เก่ามา โดยมีเพื่อนรุ่นพี่ที่ซ่อมเป็นแนะนำ ทำบ่อย ๆ เลยซ่อมได้ และไม่ได้ซ่อมธรรมดา เอามาโมดิฟายให้แรงขึ้น"

แล้วมาจับไมค์อย่างไร ?

ปีเตอร์ : "ช่วงที่กลับมาถ่ายแบบมีคนแนะนำให้ไปเทสต์เสียง คิดว่าไม่เสียหายเลยลองไป แรก ๆ ไปเทสต์ค่ายกลิทซ์ฯ ของพี่มิ่งขวัญ(แสงสุวรรณ) ปรากฎผ่าน เซ็นสัญญา 2 อาทิตย์ค่ายก็ปิดตัว(หัวเราะ) เซ็งเลย แต่พี่ ๆ ก็ให้กำลังใจและพาไปเทสต์ที่แกรมมี่ฯ เทสต์ผ่านและเซ็นสัญญา 2 ปีแรกฝึกซ้อมกันไป รอพี่โอม-ชาตรี(คงสุวรรณ) เพราะแกทำให้คนอื่นอยู่จนได้ออกชุดแรก 'หิน ผา กา ดาบ' ตอนอายุ 21 ปี รู้สึกสนุกตื่นเต้น ขึ้นเวทีเหมือนขึ้จะแตก กลัวเวทีมาก ๆ ขึ้นเวทีขาหนัก ก้าวไม่ออก แต่ดีใจที่ไม่ล่ม ต่อมาก็มีงานเรื่อย ๆ หลัง ๆ ก็ปรับตัวได้กับการตื่นกลัว และมีอัลบั้มต่อมาคือ MAGIC PETER, X-RAY และ Version 4.0 รวมไปถึงอัลบ้มรวมฮิต เพลงประกอบละคร หนัง "

เสียงที่ทุ้มเป็นสิ่งที่ได้เปรียบหรือเปล่า ?

ปีเตอร์ : "ก็น่ามีส่วน พี่โอมเป็นคนขุดตรงนี้ของผมออกมา แรก ๆ ยอมรับว่าไม่รู้จะร้องยังไงดี พยายามจะร้องเสียงบีบ ๆ อย่างที่ศิลปินช่วงนั้นชอบร้องกัน แต่มันก็ไม่เป็นธรรมชาติ ก็มีการทดลองร้องหลายแบบ เป็นเดือน ๆ กว่าจะเจอ พอแตกต่างคนก็เลยเริ่มนิยม และกลายเป็นจุดเด่นของตัวเอง"

ทำไมถึงออกจากแกรมมี่ ?

ปีเตอร์ : "ผมรู้สึกว่า 4 อัลบั้มที่ออกมาจะคล้าย ๆ เดิม ไม่มีอะไรแตกต่าง ทั้งที่สัญญายังมีอยู่ ผมก็ไม่อยากทำเพลงด้วย เลยไม่ขอทำต่อ ก็หนีไปเดนมาร์กบ้าง ต่างจังหวัดบ้าง อยู่ในช่วงที่มีความรู้สึกว่าเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา เราเหมือนถูกจับให้อยู่ในรูปแบบที่เป็นของคนอื่น ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองอยากเป็น มานั่งวิเคราะห์และพิจารณาตัวเอง ผมไม่ชอบให้คนมา ยกว่า เราแตกต่างจากคนอื่น คิดว่าในที่สุดเราก็เป็นแค่คนธรรมดา แรกที่รถไฟฟ้าสร้างใหม่ ๆ หลายคนบอกว่าอย่าขึ้น เพราะเรานักร้อง ดังแล้ว แต่ผมไม่สน ขึ้นอยู่หลายวัน ได้เห็นคนในอีกรูปแบบหนึ่งที่ไม่ได้เห็นมานาน มีความรู้สึกว่าได้มาสัมผัสรากของตัวเองว่าเราเป็นคน แต่ถูกดันให้ชีวิตเป็นงาน เป็นปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล เป็นนักร้องที่ถูกดึงไปมาก จนไ่ม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร ซึ่งตรงนั้นมันคืองานบวกชีวิต แต่ไม่ใช่ชีวิตจริง ๆ มันคือชีวิตงาน พองานเยอะ มันก็หลงไปกับอะไรสักอย่าง"